Bhaesaj
Bhaesaj Body Whitening Lotion Collagen
Description
โลชั่นบำรุงผิวสูตรคอลลาเจนช่วยเติมเต็มผิวให้กระชับเต่งตึงและวิตามินบี3ช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสทั่วเรือนร่างอย่างเป็นธรรมชาติเหมาะสำหรับผิวที่ต้องการความกระชับและความเต่งตึงเป็นพิเศษ
How to use
-
Ingredients
-
Suggestion
-
Benefit( ผลลัพธ์หลังการใช้ )
2.0 Vote(s)
3
1.0 Vote(s)
3
0.0 Vote(s)
3
0.0 Vote(s)
3
0.0 Vote(s)
3
0.0 Vote(s)
3
0.0 Vote(s)
3
0.0 Vote(s)
3
0.0 Vote(s)
3
0.0 Vote(s)
3
Details Product
ส่วนประกอบ : คอลลาเจน (Collagen) : คอลลาเจนคือโปรตีนส่วนสำคัญในชั้นใต้ผิว ดูแลผิวด้วยการเติมคอลลาเจนสู่ผิวเพื่อความอ่อนเยาว์ให้ผิวเนียนนุ่มเปล่งปลั่งสดใสอย่างเป็นธรรมชาติสกัดจากหนังแกะนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ cosmetic grade ขนาดอะมิโนเป็ปไทด์เล็กมาก ที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย
วิตามินบี3 (Vitamin B3) : ช่วยยับยั้งเม็ดสีเมลานีนในชั้นผิวหนัง ปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ดับเบิ้ลยูวีฟิวเตอร์(Double UV Filter) : ปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA และ UVB ในแสงแดด ไม่ให้ผิวหมองคล้ำ หรือจุดด่างดำจากแสงแดด
มอย์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) : ถนอมผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่นจากชั้นผิวหนัง รักษาสมดุลของผิวให้คงความนุ่มนวลสดใส

เป็นเครื่องสำอางที่ใช้อยู่เป็นประจำใช่หรือไม่ : ใช้เป็นประจำ
รีวิวผลิตภัณฑ์เมื่อ : เริ่มใช้
ผลลัพธ์หลังการใช้ :
ซื้อผลิตภัณฑ์จาก : ซุปเปอร์มาเก็ต(โลตัส, ท็อปส์, แม็กซ์แวลู เป็นต้น)
กลิ่นหอม ผิวนุ่มหลังการใช้
ผลลัพธ์หลังการใช้
ความสม่ำเสมอในการใช้
ใช้เป็นประจำ
รีวิวเมื่อ
เริ่มใช้
ซื้อผลิตภัณฑ์จาก
ซุปเปอร์มาเก็ต(โลตัส, ท็อปส์, แม็กซ์แวลู เป็นต้น)
you might also like

บทความโดย ภญ.เสาวณีย์ อินจันทร์ เป็นภาวะที่ความถี่ในการถ่ายเพิ่มขึ้นและเนื้อของอุจจาระลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะปกติของร่างกาย ฟรี ปรึกษาอาหารเสริม เครื่องสำอางและความงาม ตามหลักการแพทย์โดยเภสัชกร ได้ที่ Facebook : GURUCHECK เช็ค กับ กูรู เช็ค ...อาการท้องเสีย อาการที่ถ่ายอุจจาระเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป หรือถ่ายเป็นมูกเลือดตั้งแต่ 1 ครั้งขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง ในบางรายอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อาการตะคริวที่บริเวณหน้าท้อง ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ อ่อนเพลีย รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว และมีไข้ อาการเหล่านี้หากมีอาการไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะเรียกว่า ท้องเสียเฉียบพลัน แต่หากนานเกิด 2 สัปดาห์จะเรียกว่า ท้องเสียเรื้อรัง เช็ค ...สาเหตุการท้องเสีย ท้องเสียเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ การติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ Campylobacter, Salmonella, Shigellaหรือ Escherichia coli (E. coli) เข้าไปในร่างกาย การติดเชื้อไวรัส ที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสีย เช่น rotavirus, norovirus, cytomegalovirus ฯลฯ โดยเชื้อไวรัสrotavirus เป็นสาเหตุของการเกิดอาการท้องเสียในเด็กมากที่สุด ซึ่งสามารถหายได้ภายใน 3-7 วัน แต่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในการย่อยและดูดซึมแล็กโทสที่พบในน้ำนมได้ การได้รับเชื้อปรสิต โดยเข้าสู่ร่างกายผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน และอาศัยอยู่ในระบบย่อยอาหารของคนเรา เชื้อปรสิตที่มักพบ คือ Giardia lamblia, Entamoebahistolyticaและ Cryptosporidium โรคระบบทางเดินอาหารและระบบลำไส้ผิดปกติ เช่น โรคโครห์น (Crohn’s Disease) โรคลำไส้อักเสบ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง โรคเซลิแอคหรือแพ้กลูเตน โรคลำไส้แปรปรวน แพ้อาหารหรือธาตุอ่อน มีปัญหาในการย่อยสารอาหารบางประเภทหรือที่เรียกว่า ภูมิแพ้อาหาร เช่น การแพ้แล็กโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบมากในนม หรือสารทดแทนความหวานในปริมาณมาก การตอบสนองต่อยาบางประเภท เช่น ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคมะเร็ง และยาลดกรดที่มีแมกนีเซียม ก็สามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ การผ่าตัดกระเพาะอาหารบางส่วนออกไป อาจเกิดภาวะการดูดซึมอาหารที่ผิดปกติ เนื่องจากเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหารไม่ถูกย่อยทำลายเมื่อเข้าสู่กระเพาะอาหาร จึงเล็ดลอดไปสู่ลำไส้เล็กและสร้างสารพิษขึ้น ส่งผลให้ผนังลำไส้เล็กเกิดอาการอักเสบ ไม่สามารถดูดซึมน้ำและอาหารได้เป็นปกติ ทำให้เกิดอาหารท้องเสียขึ้น กลุ่มที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อาหารเป็นพิษ เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน อย่างเฉียบพลันและมักรุนแรง มักเกิดภายหลังรับประทานอาหารได้สัก 1-2 ชั่วโมง เช็ค ...ยาที่ใช้รักษาท้องเสีย ยาที่ใช้รักษาจะแบ่งตามลักษณะอาการของผู้ป่วย การใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสีย มักจะพิจารณาให้การรักษาเฉพาะในผู้มีอาการท้องเสียที่ถ่ายเป็นมูกเลือด หรือผู้มีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือน้ำซาวข้าวที่มีอาการแสดงของการขาดน้ำ ตัวอย่างยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาอาการท้องเสีย ชื่อตัวยา ตัวอย่างชื่อยี่ห้อ กลไกการออกฤทธิ์ วิธีใช้ 1.Norfloxacin (นอร์ฟล็อกซาซิน) เล็กซินอร์ Lexinor นอร์ซาซิน Norxacin ยับยั้งการทำงานของสารเคมีบางตัว เช่น สารดีเอ็นเอไจเรส (DNA Gyrase) ซึ่งอยู่ในขบวนการสร้างสารพันธุกรรมในแบคทีเรีย ส่งผลทำให้การขยายตัวและแพร่พันธุ์ของแบคทีเรียลดลง ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งก่อนอาการ เช้า เย็น ควรใช้ติดต่อกันประมาณ 3 - 5 วัน 2.Ciprofloxacin (ไซโปรฟลอกซาซิน) Cifloxin (ซิโฟลซิน) ออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์สารพันธุกรรมของแบคที เรียที่เรียกว่า ดีเอนเอ (DNA) จึงส่งผลยับยั้งการแพร่พันธุ์ของแบคทีเรีย ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 250-500 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค วันละ 2 ครั้ง หลังอาการ เช้า เย็น ควรใช้ติดต่อกันประมาณ 3 - 5 วัน 2.ผู้ที่มีอาการท้องเสียแบบถ่ายเหลวไม่มีเลือดปน และไม่มีอาการขาดน้ำ ไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อแนะนำให้ดื่มสารละลายเกลือแร่ (Oral rehydration salts, ORS) เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำและเกลือแร่ที่เสียไปจากการท้องเสีย ซึ่งวิธีการรับประทานเกลือแร่ที่ถูกต้องคือ ควรให้ผู้ป่วยจิบรับประทานสารละลาย ORS ในปริมาณน้อยๆ ไปเรื่อยๆ แต่จิบบ่อยๆ 3.ยารักษาตามอาการที่ผู้ป่วยเป็น เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ตัวอย่างยาที่ใช้รักษาตามอาการที่เป็นร่วมกับอาการท้องเสีย ชื่อตัวยา ตัวอย่างชื่อยี่ห้อ กลไกการออกฤทธิ์ วิธีใช้ 1. Bismuth subsalicylate (บิสมัท ซับซาลิไซเลต) Gastro-bismol แกสโตรบิสมอล ช่วยยับยั้งการหลั่งสารน้ำ (เช่น กรดและเอนไซม์ต่างๆ) ในทางเดินอาหาร และลดการอักเสบของผนังกระเพาะอาหารและลำไส้ ส่วนบิสมัทจะออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร จึงช่วยรักษาและป้องกันอาการท้องเสียได้ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น 2. Hyoscine (ไฮอสซีน) Buscopan บุสโคพาน ตัวยาไฮออสซีนจะมีกลไกการออกฤทธิ์โดยการเข้าไปแข่งขันและยับยั้งการทำงานของตัวรับ (Receptor) ที่ชื่อว่า มัสคารินิก ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของอวัยวะภายในเกิดการคลายตัว จึงลดอาการปวดเกร็งช่องท้องได้ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น 3. Domperidone (ดอมเพอริโดน) Motilium ยาโมทิเลียม กระตุ้นให้หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก มีการบีบและเคลื่อนตัวได้มากขึ้น ทำให้ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน รับประทานครั้งล่ะ 1 เม็ด ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น เช็ค ...การปฏิบัติตัวเมื่อท้องเสีย 1. พักผ่อน หยุดงาน หรือหยุดเรียน 2. ดื่มน้ำมากๆ ดื่มน้ำผงเกลือแร่ เมื่อถ่ายเป็นน้ำหรือรู้สึกปากแห้ง 3. กินอาหารอ่อน อาหารเหลว หรืออาหารรสจืด 4. ยังไม่ควรกินยาหยุดท้องเสียด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้ว อาจกินยาลดไข้ บรรเทาอาการปวดท้อง 5. รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น เช็ค ...อาการท้องเสียที่ควรรีบพบแพทย์ อาการท้องเสียไม่ดีขึ้นภายใน 1 - 2 วัน (ในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ ควรพบแพทย์เมื่ออาการท้องเสียไม่ดีขึ้นภายใน 1 วัน) ปวดท้องมาก และ/หรือ คลื่นไส้ อาเจียน และ/หรือ ตัว/ตาเหลือง มีไข้สูง อุจจาระเป็นมูก หรือมูกเลือด หรือมีสีดำและเหนียวเหมือนยางมะตอย (อาการของการมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร อ้างอิงจาก 1. Health Organization. Diarrhea Treatment Guidelines. The MOST Project; 2005. 2. World Gastroenterology Organization. Acute diarrhea in adults and children: a global perspective [Internet]. 2012 [Cited 2014 Aug 3]. Available from: http://www.worldgastroenterology.org. 3. ดร.ปริญญา อรุโณทยานันท์. เกลือเพื่อชีวิต [Internet]. [Cited 2014 Aug 31]. Available from: https://www.gpo.or.th/rdi/html/ors.html. 4. สมาคมแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย. แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันในผู้ใหญ่. กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ชุมชุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2546. 5. https://www.pobpad.com/ 6. http://haamor.com/th/

เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะรุนแรงชนิดหนึ่ง จะรู้สึกปวดตุบ ๆ รุนแรง โดยมักปวดบริเวณศีรษะข้างเดียว หรือปวดข้างเดียวก่อนแล้วจึงปวดสองข้าง ในขณะที่ปวดก็มักมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วย และอาจมีความรู้สึกไวต่อเสียงและแสงสว่างมากกว่าปกติ บทความโดย ภญ.เสาวณีย์ อินจันทร์ ฟรี ปรึกษาอาหารเสริม เครื่องสำอางและความงาม ตามหลักการแพทย์โดยเภสัชกร ได้ที่ Facebook : GURUCHECK เช็ค กับ กูรู เช็ค ...อาการของไมเกรน มีอาการปวดศีรษะข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง มีอาการปวดแบบตุบ ๆ แสงจ้า เสียงดัง และกลิ่นฉุนจะกระตุ้นให้ปวดมากขึ้น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตาพร่ามัว มองเห็นภาพไม่ชัด มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือเป็นลม เช็ค ...สาเหตุของไมเกรน ไมเกรนเป็นผลจากความผิดปกติชั่วคราวในการทำงานของสมองที่มีผลกระทบต่อเส้นประสาท สารเคมี และหลอดเลือดในสมอง แต่สาเหตุที่แท้จริงของไมเกรนนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายปัจจัยดังนี้ 1. ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ช่วงมีประจำเดือน ระหว่างตั้งครรภ์ ช่วงหมดประจำเดือน หรือการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด 2. อาหารบางชนิด เช่น ชีส ไวน์แดง ช็อคโกแล็ต น้ำตาลเทียม ผงชูรส ชา และกาแฟ 3. การกระตุ้นทางประสาทสัมผัส อาทิ แสงจ้า เสียงดัง กลิ่นฉุน กลิ่นบุหรี่ 4. รูปแบบการนอนที่เปลี่ยนไป เช่น นอนดึก นอนไม่พอ หรือนอนมากเกินไป 5. สิ่งแวดล้อม เช่น อากาศร้อน ฝุ่นควัน 6. ยาบางชนิด เช็ค …ยาที่ใช้รักษาอาการไมเกรน ชื่อตัวยา ตัวอย่างชื่อยี่ห้อ กลไกการออกฤทธิ์ วิธีใช้ 1.Paracetamol พาราเซตามอล Tylenol ไทลินอล Sara ซาร่า บรรเทาปวดและลดไข้ โดยยับยั้งการสร้างสารเคมีบางตัวในสมองของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับอาการปวด เช่น สารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) และจะชักนำให้เกิดกลไกการลดอุณหภูมิหรือลดไข้ของร่างกายลง เด็ก 10-15 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง (หากจำเป็น) ไม่เกิน 5 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ 500 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัม ต่อวัน *ไม่ควรทานต่อเนื่องนานติดต่อกันเกิน 5 - 7 วัน 2.Ibuprofen ไอบูโปรเฟน Nurofen นูโรเฟน Gofen โกเฟน ยับยั้งการทำงานของสารไซโคลออกซิจีเนส (Cyclooxygenase)ซึ่งจะไปเปลี่ยนสารเคมีบางกลุ่มให้กลายเป็นสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) โพรสตาแกลนดินเป็นตัวชักนำให้เกิดอาการปวด การอักเสบ และก่อให้เกิดอาการไข้ของร่างกาย นอกจากนั้นไอบูโปรเฟนยังสามารถออกฤทธิ์โดยตรงที่สมองและบริเวณอวัยวะที่มีอาการปวดได้ เด็ก ให้รับประทานยาวันละ 30-50 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยแบ่งให้ทุก 6 ชั่วโมง (สูงสุดไม่เกินวันละ 2,400 มิลลิกรัม) ผู้ใหญ่ ให้รับประทานยาครั้งละ 400-800 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง *ควรรับประทานพร้อมหรือหลังอาหารทันทีเพื่อลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร 3.Ergotamine + Caffeine ยาเออร์โกตามีนผสมคาเฟอีน Cafergot คาเฟอร์กอท Tofago โทฟาโก ทำให้หลอดเลือดที่ขยายตัวผิดปกติเกิดการหดตัวลงและทำให้อาการปวดศีรษะหายไป รับประทานเมื่อมีอาการปวดศีรษะไมเกรนในครั้งแรก 1 หรือ 2 เม็ด จากนั้นทุกๆ ครึ่งชั่วโมงหากอาการไม่ดีขึ้นสามารถรับประทานซ้ำอีกครั้งละ 1 เม็ด แต่ห้ามรับประทานเกิน 6 เม็ดต่อวัน และห้ามรับประทานยาเกิน 10 เม็ด ต่อสัปดาห์ *ห้ามใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์ เช็ค ...ยาป้องกันไมเกรน ใช้ในกรณีที่มีอาการปวดไมเกรนบ่อย เช่น เกิน 2 ครั้งต่อเดือน การเกิดอาการปวดแต่ละครั้งรุนแรง หรือผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาในกลุ่มที่ใช้รักษาอาการปวดไมเกรนแบบเฉียบพลันได้ 1 ยาสกัดเบต้า (β-blocker) ได้แก่ โพรพราโนลอล(propranolol) มีประสิทธิภาพในการป้องกันไมเกรน 55-84% 2 ยาต้านซีโรโตนิน (Anti-serotonin) ได้แก่ ไซโปเฮบตาดีน(cypoheptadine) ซึ่งเป็นยาที่ทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันประมาณ 50% 3 ยาแคลเซียมแอนทาโกนิส (Calcium antagonist) ได้แก่ ฟลูนาริซีน(Flunarizine) สามารถป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรนได้ ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ ยาสกัดเบต้า 4 กลุ่มยากันชัก ที่สามารถนำมาใช้ในการป้องกันการเกิดไมเกรนได้ ได้แก่ โซเดียมวาลโปรเอต โทพิราเมท(Sodium valproate) และกาบ้าเพนติน(Gabapentin) ขนาดยาที่ใช้ป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรนจะน้อยกว่าที่ใช้ในการรักษาโรคลมชัก 5 กลุ่มยา Tricyclic Antidepressants เช่น amitriptyline, nortriptyline, and doxepin มีประโยชน์ในผู้ป่วยนอนไม่หลับและมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย แต่อาจมีผลทำให้ปากแห้ง คอแห้ง ง่วงนอน และน้ำหนัก เช็ค ...ตัวอย่างโรคที่มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง หรือปวดมากคล้ายไมเกรน 1. ปวดศีรษะจากความเครียด (tension headache) ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหนัก ๆ มึน ๆ บริเวณรอบศีรษะหรือท้ายทอยติดต่อกันนานเป็นชั่วโมง ๆ เป็นวัน ๆ หรือเป็นสัปดาห์ โดยปวดพอทนอย่างคงที่ต่อเนื่อง และยังทำกิจวัตรประจำวันได้ จะทุเลาเมื่อหายเครียดหรือได้ยาบรรเทา 2. เนื้องอกสมอง (brain tumor) พบได้ในคนทุกวัย ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหน่วง ๆ ตึง ๆ ทั่วศีรษะตอนเช้ามืด (ขณะกำลังตื่นนอน) พอตกสาย ไปทำงานหรือเรียนหนังสือก็หายไปเอง เป็นแบบนี้อยู่ทุกเช้า หรือปวดรุนแรง มีอาการอาเจียนบ่อย อาจมีอาการเดินเซ แขนขากระตุกหรืออ่อนแรงตามมาใน 3. หลอดเลือดสมองแตก (cerebral hemorrhage) ผู้ป่วยจะมีอาการปวดทั่วศีรษะฉับพลันและรุนแรงต่อเนื่องเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ กินยาแก้ปวดไม่ทุเลา แต่ยังรู้สึกตัวดี ต่อมาก็จะแตก มีเลือดออกมาก ผู้ป่วยจะปวดรุนแรงมาก อาเจียน และหมดสติ หากเป็นตรงส่วนสำคัญ ก็จะเสียชีวิต 4. ต้อหินเฉียบพลัน (acute glaucoma) มักพบในวัยกลางคนขึ้นไปที่มีโครงสร้างของลูกตาผิดปกติซึ่งถ่ายทอดทางพันธุกรรม ช่วงที่มีอาการกำเริบเนื่องเพราะน้ำเลี้ยงภายในลูกตาเกิดการอุดกั้น ทำให้ความดันภายในลูกตาเพิ่มขึ้นฉับพลัน อ้างอิง 1. https://www.bangkokhospital.com 2. http://www.med.cmu.ac.th/nnc/2007/tip/mikirn.htm 3. http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article 4. http://www.xn--42c6au4awb1a2c8i.com/known.html 5. http://haamor.com/th/ 6. Dr Richard P Kraig, Migraine, University of Chicago 2008-07-24 , 7. http://health-fts.blogspot.com/2012/04/migraine.html 8. นพ.มานิตย์ วัชร์ชัยนันท์, ไมเกรน, http://vatchainan2.blogspot.com/2013/04/2.html
กลิ่นหอม ผิวนุ่มหลังการใช้