L'oreal
L'OREAL White Perfect TOTAL 10
Description
-
How to use
-
Ingredients
-
Suggestion
-
Benefit( ผลลัพธ์หลังการใช้ )
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
0.0 Vote(s)
16
Details Product
- ไวท์เทนนิ่งครีมที่ช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใส Vitamin E, B3 และ C ตรงเข้าช่วยจัดการความหมองคล้ำจากเม็ดสีผิวถึงในชั้นเซลล์ผิว Dermo-Shield complex ช่วยปกป้องผิวหน้าจากความหมองคล้ำจากแสงแดด
ไวท์ เพอร์เฟ็คท์ โททัล 10 เดย์ ครีม เอสพีเอฟ 30/พีเอ+++
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อผิวกระจ่างใส โดยผู้เชี่ยวชาญของลอรีอัล ปารีส สรรสร้างนวัตกรรมล่าสุด ด้วย ส่วนผสมทรงประสิทธิภาพ:
- Vitamin Complex ที่มี Vitamin E, B3 และ C ตรงเข้าช่วยจัดการความหมองคล้ำจาก เม็ดสีผิวถึงในชั้นเซลล์ผิว*
- Dermo-Shield & SPF 30 ช่วยปกป้องผิวหน้าจากความ หมองคล้ำจากแสงแดด
ผลลัพธ์ - 10 คุณประโยชน์ ให้ผิวดูขาวกระจ่างใสอย่างล้ำลึก* + ป้องกันผิวจากหลากปัจจัยที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ
- ผิวดูเปล่งประกายในทันที^
- ผิวดูกระจ่างใสขึ้น^
- สีผิวสม่ำเสมอ^
- จุดด่างดำดูลดเลือน^
- ลดปัญหาการเกิดสิว**
- ปกป้องผิวจากมลภาวะ^
- ป้องกัน UVA
- ป้องกัน UVB
- มีสารแอนตี้-ออกซิแดนท์
- ควบคุมความมัน^
*ชั้นEpidermis **สิ้วเสี้ยน สิวอุดตันและสิ่งที่เกิดจากความมันส่วนเกิน
^ผลทดสอบในห้องปฏิบัติการโดยสถาบันลอรีอัล ประเทศจีน เมื่อ มิ.ย. 2556
you might also like

บทความโดย ภญ.เยาวธิดา เทพศิริ ฟรี ปรึกษาอาหารเสริม เครื่องสำอางและความงาม ตามหลักการแพทย์โดยเภสัชกร ได้ที่ Facebook : GURUCHECK เช็ค กับ กูรู เช็ค ...สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังท้อง 1.ประจำเดือนขาด ในกรณีที่มีสุขภาพปกติ มีประวัติประจำเดือนที่ปกติ หากประจำเดือนขาดนานกว่า 10 วันขึ้นไปหรือประจำเดือนขาดนับจากประจำเดือนครั้งสุดท้ายมากกว่า 45 วัน อาจสันนิฐานว่าเกิดการตั้งครรภ์ได้ 2.มีความรู้สึกไวต่อกลิ่นต่าง ๆ ผู้หญิงที่เพิ่งตั้งครรภ์จะมีความไวต่อการรับกลิ่น โดยเฉพาะกลิ่นของอาหาร อาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนได้ง่ายเมื่อได้กลิ่นต่าง ๆ มากระตุ้น 3.คลื่นไส้ อาเจียน เป็นอาการที่พบได้บ่อย ในผู้หญิงบางคนก็อาจไม่พบอาการนี้ในช่วงแรกจนกระทั่งเข้าสู่การตั้งครรภ์ในเดือนแรกหรือเดือนที่ 2 4.เจ็บหน้าอก เนื่องจากหน้าอกมีการขยายขนาดคล้ายกับในช่วงประจำเดือนมา เนื่องจากฮอร์โมนที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงการตั้งครรภ์ 5.ท้องอืด ท้องเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในขณะตั้งครรภ์ช่วงแรกอาจส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อยขึ้นได้คล้าย ๆ กับช่วงก่อนประจำเดือนมา ช่วงนี้บางคนอาจรู้สึกเสื้อผ้าแน่นมากขึ้น 6.ปัสสาวะบ่อย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย ทำให้อัตราการไหลของเลือดเพิ่มขึ้นและไหลผ่านไปยังไตมากขึ้น ทำให้กระเพาะปัสสาวะรับน้ำมามากตามไปด้วย ผู้หญิงตั้งครรภ์จึงรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำบ่อยกว่าปกติ 7.เหนื่อยง่าย เพลียง่าย สาเหตุเกิดจากระดับฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนอนมีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงเกิดอาการแพ้ท้องร่วมด้วยทำให้เกิดอาการเพลียง่ายยิ่งกว่าเดิม 8.อารมณ์แปรปรวนง่าย เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย จึงทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย เช่น อารมณ์ดี เสียใจ หดหู่ กังวล ซึ่งการแสดงออกทางอารมณ์ในแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป สัญญาณเหล่านี้เป็นแค่อาการเบื้องต้น แต่อาจไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าเกิดการตั้งครรภ์หรือไม่ หากสงสัยว่าเกิดการตั้งครรภ์หรือไม่ แนะนำให้ใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์เพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ เป็นการตรวจด้วยตนเองก่อนไปพบแพทย์ค่ะ อ้างอิงจาก 1.รองศาสตราจารย์นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์. อาการไม่สบายตอนท้อง…..เป็นอันตรายไหม?. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2560. จากhttp://www.si.mahidol.ac.th/th/department/obstretrics_gynecology/dept_article_detail.asp?a_id=424 2. Webmd. Pregnancy Symptoms. Retrieved June 12, 2017, from http://www.webmd.com/baby/guide/pregnancy-am-i-pregnant#1 3.American Pregnancy Association. Pregnancy symptoms—Early signs of pregnancy. Retrieved June 12, 2017, from http://www.americanpregnancy.org/gettingpregnant/earlypregnancysymptoms.html

เพื่อนๆเคยสงสัยไหมค่ะ ว่าพุงมาจากไหน จริงๆ แล้วพุงมีหลายแบบนะคะ ไปดูกันค่ะ ว่ามีแบบไหนบ้าง บทความโดย กูรูอ้อมมี้ ฟรี ปรึกษาอาหารเสริม เครื่องสำอางและความงาม ตามหลักการแพทย์โดยเภสัชกร ได้ที่ Facebook : GURUCHECK เช็ค กับ กูรู เช็ค ...คุณมีพุงแบบไหน? ภาพจาก Bellybreak.com 1.spare tyre tummy พุงนุ่มสะสมเป็นชั้นๆ เกิดจากชอบกินของหวาน ขาดการออกกำลังกาย หากงดกินจุบจิบ ลดแป้งลด น้ำตาล งดดื่มแอลกอฮอล์ งดเครื่องดื่มน้ำตาลสูงต่างๆ รับประทานผักสด อาหารสด ออกกำลังกายมากๆสม่ำเสมอ ก็จะช่วยได้ค่ะ 2.stress tummy มีพุงแข็งคล้ายท้องอืดยื่น ช่วงกะบังลม หรือ ใต้ลิ้นปี่ถึงสะดือ สาเหตุหลักเกิดจากคุณเป็นคนทำงานหนัก เอาจริงเอาจัง เครียด กินไม่เป็นเวลาจนระบบลำไส้ผิดปกติ ร่างกายผลิตคอร์ติซอล ที่ทำให้เกิดไขมันบริเวณหน้าท้องให้คลายความเครียด การรับทานอาหารตรงเวลา ไม่นอนดึก ลดคาเฟอีน ออกกำลังกายประเภทโยคะแทนคาดิโอหนักๆจะช่วยลดพุงประเภทนี้ได้ค่ะ 3.little pooch tummy ร่างกายทั่วไปผอม แต่มีพุงสะสมน้อยๆถึงมากช่วงท้องน้อย คุณอาจมีพุงน้อยๆทั้งๆที่เป็นคนแอคทีฟและออกกำลังกายเป็นประจำ แต่เป็นการออกกำลังกายท่าเดิมประจำ การซิทอัพผิดวิธีอาจทำให้กล้ามเนื้อสะสมยื่นได้ ลองเปลี่ยนพฤติกรรมก จากการทานอาหารเดิมๆซ้ำๆที่อาจทำให้ไขมันสะสมโดยไม่รู้ตัว เป็นอาหารเส้นใยสูงผักใบเขียวจะช่วยได้ค่ะ 4.mummy tummy พุงคุณแม่หลังคลอดมดลูกยังไม่เข้าอู่ คุณแม่หลังคลอด อย่าเพิ่งรีบร้อนออกกำลังกายให้ร่างกายเข้าที่ใน 2-3 เดือนนะคะ การออกกำลังกายประเภทเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อท้องช่วงล่าง รับประทานไขมันที่ดีจากถั่ว มะกอก และ น้ำมันปลาอาจพักผ่อนเล็กน้อยตอนกลางวัน และยืดเส้นสายเล็กน้อยก่อนเข้านอนเพื่อช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นค่ะ 5.bloated tummy หน้าท้องแบนในตอนเช้า แต่ท้องอืด และ เกิดแก๊ส พุงป่องในตอนเย็น ให้ลองสังเกตอาหารที่กินแล้วอึดอัด เช่น พิซซ่า ขนมปัง เค้ก นม เนย ชีส ลองงดแล้วสังเกตว่าระบบย่อย ดีขึ้นรึป่าว ลองปรับเปลี่ยนไปทานอาหารย่อยง่าย เช่น ปลา ผัก รับประทานเป็นเวลามากขึ้น งดมื้อดึก ดื่มน้ำมากๆ และอาจเดินเล่นหลังอาหารเพื่อช่วยระบบย่อย ก็จะช่วยลดพุงแบบนี้ได้ค่ะ อ่านจบแล้วรีบดูพุงตัวเองกันเลย ใช่ไหมหละค่ะ ถ้ารู้แล้วว่าเป็นแบบไหนแล้วก็ลองแก้ไขตามนั้นเลยนะคะ

บทความโดย นพ.สุพจน์ สุไพบูลย์พิพัฒน์ สำหรับคุณผู้หญิง ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม ถ้ามีเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติอาจพาลคิดไปว่าเป็นมะเร็ง ซึ่งไม่เสมอไป เพราะเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดนั้นเกิดได้หลายสาเหตุ ฟรี ปรึกษาอาหารเสริม เครื่องสำอางและความงาม ตามหลักการแพทย์โดยเภสัชกร ได้ที่ Facebook : GURUCHECK เช็ค กับ กูรู เช็ค ...สาเหตุของเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด โดยสาเหตุของภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ที่พบมากที่สุด คือ ภาวะมีเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก ซึ่งแบ่งตามช่วงอายุได้ 3 ช่วงคือ 1.ช่วงก่อนมีประจำเดือน (premenarche) 2.ช่วงวัยเจริญพันธุ์ (reproductive-age) 3.ช่วงหลังวัยหมดประจำเดือน (postmenopausal) 1.เลือดออกทางช่องคลอดช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือในเด็กๆ เลือดที่ออกทางช่องคลอดในเด็กหญิงก่อนมีประจำเดือนครั้งแรก อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น 1.1 วัยรุ่นก่อนกำหนด คือ มีการเจริญเติบโตของลักษณะทางเพศก่อนอายุ 9 ปี เช่น เต้านมใหญ่ขึ้น มีขนที่รักแร้ และหัวหน่าว มีประจำเดือนมา เป็นต้น เลือดที่ออกทางช่องคลอดในเด็กหญิงที่มีอายุน้อยกว่า 9 ปี แต่ลักษณะทางเพศเปลี่ยนแปลงเป็นวัยสาวแล้ว ถือว่าเป็นเลือดประจำเดือนได้ แต่เป็นเลือดประจำเดือนที่เกิดในอายุน้อยกว่าที่ควร ซึ่งมักจะมีสาเหตุมาจากมะเร็งของรังไข่หรือต่อมหมวกไต เด็กหญิงที่มีประจำเดือนก่อนอายุอันควรจึงควรไปตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อหาดูว่ามีสาเหตุที่ผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีจะได้รักษาให้หายขาดแต่เนิ่นๆ 1.2 การบาดเจ็บบริเวณอวัยวะเพศภายนอก เช่น หกล้มก้น เป็นต้น 1.3 สิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เด็กเล็กๆ มักจะซุกซนและชอบสอดและดันสิ่งต่างๆเข้าไปในช่องคลอดทำให้เกิดการอักเสบได้ 1.4 ปัสสาวะเป็นเลือด หลายครั้งก็เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเลือดออกทางช่องคลอด 1.5 เนื้องอกหรือมะเร็งในช่องคลอดหรือมดลูก แต่เป็นสาเหตุที่พบน้อยในเด็ก 2.เลือดออกทางช่องคลอดในวัยเจริญพันธุ์ เลือดออกทางช่องคลอดในวัยเจริญพันธุ์ หลังจากประจำเดือนแรก จนถึงวัยที่กำลังหมดประจำเดือน เลือดอาจจะออกทางช่องคลอด โดยมีสาเหตุดังนี้ 2.1 ประจำเดือนผิดปกติ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ ซึ่งแนะนำให้ไปพบแพทย์ ประจำเดือนมามากเกินไป ถ้าประจำเดือนมามากจนมีก้อนเลือดหรือลิ่มเลือดใหญ่ๆ ปนออกมา หรือใช้ผ้าอนามัยมากกว่า 10 ชิ้น และแต่ละชิ้นชุ่มเลือด ประจำเดือนมานานเกินกว่า 7 วันหรือกะปริดกะปรอย ประจำเดือนมาบ่อยเกินไป คือมีช่วงระหว่างประจำเดือนน้อยกว่า 21 วัน 2.2 ผู้หญิงอายุน้อยที่เกิดจากการตั้งครรภ์แล้วมีภาวะแทรกซ้อน เช่น แท้งบุตร 2.3 เลือดกลางเดือน หรือเลือดที่ออกจากช่องคลอดเพราะไข่ตก 2.4 เลือดที่ออกจากความผิดปกติของอวัยวะเพศ เช่น มดลูก คอ ปีกมดลูกอักเสบ เนื้องอก 2.5 เลือดที่ออกจากความผิดปกติของฮอร์โมนเพศ เช่น จากการกินยาคุมไม่สม่ำเสมอ หรือยาสมุนไพรที่ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมน จะทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดได้ 2.6 ผู้หญิงในวัยที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือน เช่น อายุ 13 ปี หรือวัยใกล้หมดประจำเดือน เช่น อายุ 49 ปี มักมีภาวะฮอร์โมนแปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติ 2.7 ผู้หญิงที่อยู่ในภาวะเครียด เช่น ใกล้สอบ นอนดึก ทะเลาะกับแฟน ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีฮอร์โมนแปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติ 2.8 การติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เช่น ปากมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูก ก็สามารถทำให้เกิดแผลแล้วมีเลือดออกได้ 2.9 มะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติในผู้หญิงที่พบได้บ่อยเช่นกัน 3. เลือดออกทางช่องคลอดหลังวัยหมดประจำเดือน เกิดจากสาเหตุ เช่น 3.1 ประจำเดือนยังไม่หมดดี นั่นคือ ในวัยที่ประจำเดือนใกล้จะหมด ประจำเดือนอาจจะมาบ้างไม่มาบ้าง เนื้องอกหรือมะเร็งของคอมดลูก หรือมดลูก เป็นสาเหตุที่พบบ่อยอย่างหนึ่งของภาวะเลือดออกทางช่องคลอดหลังหมดประจำเดือนแล้ว 3.2 การกินยาปรับฮอร์โมนเพื่อลดอาการวัยทอง 3.3 ช่องคลอดอักเสบและบาง ในวัยหมดประจำเดือนผนังช่องคลอดจะบางและอักเสบง่าย ทำให้มีเลือดออกมาเล็กๆ น้อยๆ ได้ 3.4 การบาดเจ็บ เช่น หกล้ม เป็นต้น เช็ค ...อาการเลือดออกผิดปกติที่อาจเกิดจากมะเร็ง 1.มีเลือดออกจากช่องคลอดกระปริดกระปรอย เช่น มีเลือดออกทุกวันหรือวันเว้นวัน 2. มีรอบประจำเดือนเร็วกว่า 21 วัน 3. มีเลือดออกนอกรอบประจำเดือน 4.มีเลือดออกจากช่องคลอดปริมาณมากเป็นก้อน ๆ หรือใช้ผ้าอนามัยมากกว่าวันละ 5 ผืน 5. มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ 6. มีเลือดออกหลังจากเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนไปแล้ว เช็ค ...การรักษาภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ผู้หญิงที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด แพทย์อาจตรวจภายในและตรวจหามะเร็งปากมดลูกไปพร้อมกัน โดยใช้เวลาตรวจไม่เกิน 5 นาที แต่ถ้าแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุของเลือดออกผิดปกติที่แน่ชัดได้ ก็อาจจำเป็นต้องขอส่งตรวจวิธีพิเศษ เช่น ตรวจเลือด ตรวจอัลตราซาวน์ด หรือถ้าจำเป็นจริง ๆ แพทย์ก็อาจขอขูดมดลูกเพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจวินิจฉัยหาเซลล์มะเร็งต่อไป เช็ค ...การป้องกันภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด 1.รับประทานยา โดยเฉพาะยากลุ่มฮอร์โมนตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด และควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนานยาทุกครั้ง 2.รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รักษาอารมณ์ให้แจ่มใส ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 3.ผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือผู้หญิงโสดที่มีอายุเกินกว่า 35 ปี ทุกคน ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อรับการตรวจภายในประจำปี อ้างอิง 1. รศ.นพ.พีรพงศ์ อินทศร. เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด : สัญญาณอันตราย. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2560. จาก http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=665 2. น.พ.ธนัท จิรโชติชื่นทวีชัย อ.พ.ญ. ทวิวัน พันธศรี. ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก(Abnormal uterine bleeding). สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2560. จาก http://www.med.cmu.ac.th/dept/obgyn/2011/index.php?option=com_content&view=article&id=959:abnormal-uterine-bleeding&catid=45&Itemid=561 3. ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์. การตรวจรักษาอาการ“เลือดออก” (10) เลือดออกทางช่องคลอด. สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2560. จาก https://www.doctor.or.th/article/detail/3783 4. ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ การตรวจรักษาอาการ “เลือดออก” (ตอน11). สืบค้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2560. จาก https://www.doctor.or.th/article/detail/3802
วันนี้กูรูมีเคล็ดไม่ลับ มาฝากค่ะ หลายๆ คนอาจรู้จักเม็ดแมงลัก แต่ยังไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไรบ้าง โดยเฉพาะสาวๆ ที่กำลังอยากลดน้ำหนัก ลองไปดูกันเลยนะคะ ว่าสรรพคุณของเม็ดแมงลักมีอะไรเด็ดๆ บ้าง บทความโดย กูรูอ้อมมี้ ฟรี ปรึกษาอาหารเสริม เครื่องสำอางและความงาม ตามหลักการแพทย์โดยเภสัชกร ได้ที่ Facebook : GURUCHECK เช็ค กับ กูรู เช็ค...ประโยชน์และสรรพคุณของเม็ดแมงลักช่วยลดน้ำหนัก เช็ค ...ประโยชน์ของเม็ดแมงลัก เม็ดแมงลัก ถือเป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีราคาถูก และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป 1. ควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเม็ดแมงลักไม่ก่อให้เกิดพลังงาน และสามารถพองตัวได้ถึง 45 เท่า ดังนั้นเมื่อนำมารับประทานก่อนอาหารก็จะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง และสามารถควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานได้เป็นอย่างดี 2. ช่วยขับคอเลสเตอรอลไม่ดีออกจากร่างกาย โดยเส้นใยของแมงลักจะดูดซับไขมันไว้ เมื่อร่างกายไม่สามารถย่อยกากใยพวกนี้ได้ ไขมันไม่ดี (LDL-cholesterol) ก็จะถูกขับออกมาพร้อมกับเส้นใยของแมงลัก แต่ไม่มีผลใด ๆ ต่อ HDL-cholesterol ที่เป็นไขมันดี ดังนั้นการรับประทานเม็ดแมงลักเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจด้วย 3.ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลลดลง เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน การที่เม็ดแมงลักพองตัวมาก ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ช้าลง จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลลดลงด้วย 4. นิ่ม ลื่น กลืนง่าย ด้วยความที่เม็ดแมงลักมีลักษณะนิ่มลื่นกลืนง่าย จึง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาช่วงลำคอ 5. เป็นยาระบาย เนื่องจากบริเวณเปลือกนอกของเม็ดเป็นสารเมือกขาว และยังมีกากอาหาร ทำให้อุจจาระไม่เกาะลำไส้ ซึ่งช่วยให้ผู้รับประทานสามารถขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเม็ดแมงลักจะไปกระตุ้นประสาทที่อยู่รอบ ๆ ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ทำให้เกิดปวดท้องหนัก ภาพจาก kapok.com เช็ค ...วิธีรับประทาน 1. ช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก : สำหรับคนน้ำหนัก 50-60 กิโลกรัม ให้ตักเม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา แช่น้ำ 1 แก้วใหญ่ ทิ้งไว้จนกว่าจะพองเต็มที่ ทานก่อนอาหาร ทดแทนอาหารเป็นบางมื้อ จะช่วยป้องกันการดูดซึมน้ำตาลในอาหารมื้อนั้นไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือด ถ้าน้ำหนักมากกว่านี้ให้เพิ่มตามส่วน 2. ช่วยเรื่องการระบาย : ตักเม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนชา แช่น้ำ 1 แก้วใหญ่ ทิ้งไว้จนกว่าจะพองเต็มที่ แล้วนำมารับประทานก่อนนอน ทานได้ทุกวัน หรือ 3-4 วันต่อสัปดาห์ สำหรับคนที่ไม่ชอบทานเม็ดแมงลักแบบจืด ๆ ลองนำไปผสมกับเครื่องดื่มอื่น ๆ ก็อาจทำให้รับประทานได้ง่ายขึ้น เช่น เยลลี่ น้ำขิง น้ำใบเตย น้ำเต้าหู้ หรือผสมกับเมนูอาหารอย่างโจ๊ก เป็นต้น เห็นแล้วก็ต้องขอตัวไปซื้อเม็ดแมงลักก่อนนะคะ บ๊าย บาย ค่า